วันพุธที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ปััญหาข้อขัดข้องของระบบสตาร์ท

                                  ปัญหาและข้อขัดข้องของระบบสตาร์ท
           ปัญหาและข้ขัดข้องของระบบสตาร์ท แบ่งออกเป็น  2  สาเหตุใหญ่ๆด้วยกันคือ
1. เครื่องยนต์หมุนแต่เครื่องยนต์ไม่ติด   ถ้าเครื่องยนต์ไม่ติด สาเหตุของปัญหาอาจเกิดจากระบบจุดระเบิด  ระบบเชื้อเพลิง  และกำลังอัดของเคร่องยนต์
2. ความเร็วรอบของเครื่องยนต์ต่ำในขณะสตาร์ทเครื่องยนต์  สาเหตุของปัญหาอาจเิกิดจากอุณหภูมิในขณะนั้นต่ำ  น้ำมันหล่อลื่นมีความหนืดสูง หรือแบตเตอรี่มีประจุไฟต่ำไม่เพียงพอกับการสตาร์ทเครื่องยนต์
       ปัญหาข้อขัดข้องที่เกิดกับระบบสตาร์ทมี  6  ปัญหาด้วยกันคือ
เมื่อบิดสวิตช์จุดระเบิดไปในตำแหน่ง START  มอเตอร์สตาร์ทไม่หมุน ซึ่งมีวิธีการตรวจสอบดังนี้
-  ใช้โวลด์มิเตอร์วัดแรงเคลื่อนไฟฟ้าที่แบตเตอรี่ และบิดสวิตช์จุดระเบิดไปในตำแหน่ง START  แรงเคลื่อนที่แบตเตอรี่ประมาณ   9.6 โวลด์หรือสูงกว่า ถ้าแรงเคลื่อนไฟฟ้าที่วัดต่ำกว่า ให้ประจุไฟหรือเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่
-  ใช้โวลด์มิเตอร์วัดแรงเคลื่อนไฟฟ้าระหว่างขั้ว 50 ของมอเตอร์สตาร์ทกับกราวด์  บิดสวิตช์จุดระเบิดไปยังตำแหน่ง START  จะต้องใช้แรงเคลื่อนไฟฟ้าประมาณ  8  โวลด์หรือสูงกว่า  ถ้าแรงเคลื่อนไฟฟ้าต่ำกว่า ให้ตรวจวงจรไฟระหว่างแบตเตอรี่กับขั้ว  50
-  ก่อนถอดชิ้นส่วนของมอเตอร์สตาร์ท  ให้ตรวจการขาดของขดลวดดึงในสวิตช์แม่เหล็กหรือสายไฟจากขั้ว  C
เมื่อบิดสวิตช์จุดระเบิดไปในตำแหน่ง  START เฟืองขับวิ่งออกขบล้อช่วยแรง แต่มอเตอร์สตาร์ทไม่หมุน  มีวิธีการตรวจสอบดังนี้
- หมุนเครื่องยนต์ด้วยมือโดยใช้ประแจเพื่อตรวจหาความฝืดของเครื่องยนต์
- ใช้โวลด์มิเตอร์วัดแรงเคลื่อนไฟฟ้าที่แบตเตอรี่เมื่อบิดสวิตช์จุดระเบิดไปในตำแหน่ง  START แรงเคลื่อนไฟฟ้าประมาณ  9.6 โวลด์หรือสูงกว่า  ถ้าแรงเคลื่อนต่ำกว่า ให้ประจุไฟหรือเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่
-  ใช้โวลด์มิเตอร์วัดแรงเคลื่อนไฟฟ้าระหว่างขั้ว  30 ของมอเตอร์สตาร์ทกับกราวด์  จากนั้นให้บิดสวิตช์จุดระเบิด ไปในตำแหน่ง START   แรงเคลื่อนไฟฟ้าที่วัดประมาณ 8 โวลดืหรือสูงกว่า  ถ้าแรงเคลื่อนไฟฟ้าต่ำกว่าให้ตรวจสายไฟจากแบตเตอรี่ไปยังขั้ว 30 ของมอเตอร์สตาร์ท
-  ก่อนแยกชิ้นส่วนของมอเตอร์สตาร์ท ให้พิจารณาสาเหตุที่อาจเิกิดขึ้นได้ เพื่อให้ง่ายขึ้นในการตรวจสอบ  เช่น  หน้าสัมผัสหรือสะพานไฟในสวิตช์แม่เหล็กไม่ดี  สกปรก คอมมิวเทเตอร์สกปรก  หรือชุดโอเวอร์รันนิ่งคลัตช์ลื่น
เมื่อบิดสวิตช์จุดระเบิดไปในตำแหน่ง START เฟืองขับจะวิ่งเข้า - ออก ตลอดเวลา มีวิธีการตรวจสอบดังนี้
-  ใช้โวลด์มิเตอร์วัดแรงเคลื่อนไฟฟ้าที่แบตเตอรี่เมื่อบิดสวิตช์จุดระเบิดไปในตำแหน่ง START  แรงเคลื่อนไฟฟ้าที่วัดได้ประมาณ  9.6 โวลด์หรือสูงกว่า  ถ้าวัดได้ต่ำกว่า ให้ประจุไฟหรือเปลี่ยนแบตใหม่
- ใช้โวลด์มิเตอร์วัดแรงเคลื่อนไฟฟ้าที่ขั้ว  50  ของมอเตอร์สตาร์ทกับกราวด์เมื่อบิดสวิตช์จุดระเบิดไปในตำแหน่ง START แรงเคลื่อนไฟฟ้าที่วัดได้ประมาณ 8 โวลด์หรือสูงกว่า  ถ้าวัดได้ต่ำกว่า ให้ตรวจสอบสายไฟระหว่าง แบตเตอรี่กับขั้ว  50
- ก่อนถอดแยกชิ้นส่วนของมอเตอร์สตาร์ท  ให้ตรวจการขาดและการลงกราวด์ของขดลวดยึดเพื่อให้ง่ายต่อการแก้ปัญหา
มอเตอร์จะทำงานตลอดเวลาแม้สวิตช์จุดระเบิดจะกลับมาอยู่ในตำแหน่ง ON แล้วก็ตาม ซึ่งก็มีวิธีการตรวจสอบดังนี้
- ตรวจสอบการต่อวงจรไปยังมอเตอร์สตาร์ทของสวิตช์จุดระเบิดด้วยโวลด์มิเตอร์เมื่อบิดสวิตช์จุดระเบิดไปในตำแหน่ง START  จะต้องมีแรงเคลื่อนไฟฟ้าเท่ากับแรงเคลื่อนแบตเตอรี่  และเมื่อปล่อยสวิตช์จุดระเบิดกลับมาในตำแหน่ง ON แรงเคลื่อนไฟฟ้าที่ต่อไปยังมอเตอร์สตาร์ทจะต้องถูกตัดทันที
- ตรวจการทำงานของรีเลย์สตาร์ท  ถ้าีมี
- ก่อนแยกชิ้นส่วนของมอเตอร์สตาร์ท  ให้ตรวจการทำงานของสปริงดึงกลับหรือการติดขัดของพลันเยอร์สวิตช์แม่เหล็ก
เมื่อสวิตช์จุดระเบิดไปในตำแหน่ง START เฟืองขับวิ่งออกขบกับล้อช่วยแรงแต่เครื่องยนต์ไม่หมุนและเกิดเสียงดัง ซึ่งก็มีสาเหตุมาจากเฟืองขับของมอเตอร์สตาร์ทชำรุด หรือเฟืองที่ล้อช่วยแรงสึกหรอ
เมื่อบิดสวิตช์จุดระเบิดไปในตำแหน่ง START  อีกครั้งหลังจากเครื่องยนต์ไม่หมุนและเกิดเสียงดังที่เฟืองขับ ซึ่งสาเหตุมาจากอาร์เมเจอร์เบรค  ให้ทดสอบมอเตอร์สตาร์ทในสภาวะไม่มีโหลด เพื่อตรวจการหยุดหมุนทันทีหลังจากกระแสไฟฟ้าถูกตัดไปยังมอเตอร์สตาร์ท